รวมฉายานักฟุตบอลที่ใครได้ยินแล้วต้องร้องอ๋อ

หนึ่งในสีสันของการเชียร์ทีมบอลที่ใครหลายคนชื่นชอบและนำมาพูดคุยหยอกล้อกันนั่นก็คือฉายาต่าง ๆ โดยเฉพาะฉายานักฟุตบอลหลากหลายคน วันนี้เราได้คัดฉายานักบอลที่ใครได้ยินแล้วต้องร้องอ๋อมาฝากกันครับ ว่าแต่จะมีฉายาไหนคุ้นหูเราบ้างมั้ยนั้น ลองมาอ่านกันดูเลยครับ

รวมฉายานักฟุตบอลใครได้ยินแล้วต้องร้องอ๋อ

1. หม่อมเหยิน (Luis Alberto Suárez Díaz)

Luis Alberto Suárez Díaz

หนึ่งในฉายาที่แฟนบอลหลายคนได้ยินจนชิน โดยเจ้าของฉายานี้คือ หลุยส์ ซัวเรซ ยอดนักเตะชาวอุรุกวัย เจ้าของตำแหน่งกองหน้าจากทีมสโมสรฟุตบอลนาซิอองนาลและทีมชาติอุรุกวัย ด้วยทักษะการเลี้ยงบอลแบบหาตัวจับยากของเขา และการยิงบอลเข้าประตูในระยะไกลได้อย่างสบาย ๆ ถึง 45 หลา ในศึกอัตเลติโกเดมาดริด VS เซอา โอซาซูนา เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ส่วนฉายาหม่อมเหยินนั้นมาจากฟันหน้าของซัวเรซที่เด่นขึ้นมาชัดเจน เป็นฟันเสน่ห์ที่สื่อต่าง ๆ ใช้เรียกกัน ลามจนไปถึงแฟนบอลที่นิยมเรียกด้วยความเอ็นดู แต่ถึงกระนั้นซัวเรซก็ยังมีอีกฉายาหนึ่งก็คือ หม่อมกัด ซึ่งมีที่มาจากการที่เขาไปกัดหัวไหล่ของอ๊อตมัน บัคคัล กองกลางทีมไอนด์โฮเฟ่นในเดือนพฤศจิกายน ปี 2010, กัดแขน บรานิสลาฟ อิวาโนวิช กองหลังทีมเชลซี ในเดือนเมษายน ปี 2013 และกัดจอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังทีมอิตาลี ในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2014

2. อาจารย์ยัง (Ashley Young)

Ashley Young

 

อีกฉายาที่ทำเอางงกันเลยว่าคิดได้ยังไง นั่นคืออาจารย์ยัง ฉายาสุดฮาของ แอชลีย์ ยัง เจ้าของตำแหน่งปีกและฟุลแบ็กจากทีมแอสตันวิลลาและทีมชาติอังกฤษ หนึ่งในผู้เล่นปีกซ้ายที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยฉายานี้เกิดจากชื่อ-นามสกุลของเขาที่พิมพ์ไว้หลังเสื้อว่า A.Young พอแปลเป็นไทยแล้วจึงอ่านว่า อ.ยัง นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกเหมือนอาจารย์ที่พออยู่ในสนามแล้วจริงจังกับการแข่งและทำผลงานได้ดี ผิดกับชีวิตนอกสนามที่อาจารย์ยังเป็นเหมือนตัวเรียกเสียงฮาประจำทีม ที่ใคร ๆ ต่างก็แซวเกี่ยวกับความซวยที่ยังถูกขี้นกตกใส่ปากในศึกสวอนซีซิตี

3. เปเป้ ป. ประมุข (Képler Laveran Lima Ferreira)

Képler Laveran Lima Ferreira

อีกหนี่งฉายาที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ เปเป้ ป. ประมุข จาก เกปเลร์ ลาเวรัง ลีมา ฟีไรรา นักเตะกองหลังจอมโหดจากทีมโปร์ตู และโปรตุเกส ด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดัน พร้อมปะทะกับอีกฝ่ายได้อย่างไม่เกรงกลัว บวกกับหน้าตาไม่เป็นมิตร พร้อมจะฟาดแข้งไปยังนักเตะอีกฝ่ายได้ทันที ไม่ว่าจะเป็นการเหยียบเมสซี่, ผลัดกาสเกโรให้ล้มและฟาดซ้ำด้วยแข้งอีกที, ศอกใส่หน้าอัลบาโร เนเกรโด แถมยังชูมือและตะโกนด่าใส่แฟน ๆ บาร์เซโลนาก็ตาม แม้ว่าหลายคนจะได้เห็นเปเป้ในมุมนักมวยมาหลายครั้ง แต่ด้วยความมุ่งมั่นในการเอาชนะคู่แข่งอย่างจริงจัง จึงทำให้เปเป้เป็นกองหลังที่น่ากลัวและถูกใช้งานในฐานะตัวจริงของทีมทุกครั้งเมื่อลงแข่ง แต่ถึงกระนั้นชีวิตนอกสนามแข่งของเขาช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะในช่วงคริสมาสต์ปี 2014 เปเป้ได้บริจาคอาหารราว 9,000 กิโลกรัมให้แก่ผู้ยากไร้ในเมืองมาดริดเป็นเวลา 2 สัปดาห์ รวมถึงตอบแทนคุณพ่อของเขาที่กัดฟันซื้อรองเท้าสตั๊ดคู่แรกให้ แม้ว่าพื้นฐานครอบครัวตอนนั้นจะยากจนก็ตาม

4. เกรียนโอ้ (Mario Balotelli Barwuah)

Mario Balotelli Barwuah

หากพูดถึงนักเตะสุดเกรียนที่กลายเป็นมีมในโลกอินเทอร์เน็ตมาจนถึงทุกวันนี้ จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก มารีโอ บาโลเตลลี แม้ว่าเขาจะเป็นนักเตะที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ สร้างชื่อด้วยการคว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ให้แก่อินเตอร์มิลานถึง 3 สมัย แต่กลับสร้างวีกรรมเกรียน ๆ เอาไว้เยอะด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะประโยคเด็ดในศึกแมนเชสเตอร์ซิตี พบกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในปี 2011 หลังจากที่บาโลเตลลีทำประตูให้ทีมได้แล้ว เขาก็ยกเสื้อนอกขึ้นเพื่อโชว์ประโยคเด็ดจากเสื้อข้างในอย่าง “Why always me?” (ทำไมต้องเป็นผมอีกแล้ว?) รวมถึงท่าเบ่งกล้ามหลังยิงประตูใส่เยอรมันในรอบชิงชนะเลิศของยูโร 2012

แต่ถึงอย่างไรก็ตามบาโลเตลลีก็มีปัญหาที่สะสมมานานจากการถูกเหยียดสีผิวตั้งแต่เด็กกจนเป็นแผลในใจ รวมถึงพฤติกรรมที่ไม่ดีอย่างเช่น ต่อยเพื่อนร่วมทีมเพื่อระบายอารมณ์และโดดซ้อมโดยอ้างว่าป่วยและมาซ้อมไม่ได้ แต่กลับขาดการติดต่อไปหน้าตาเฉย จนสโมสรถึงขั้นตัดญาติและยกเลิกสัญญาทันที หลังจากนั้นบาโลเตลลีก็ได้รับโอกาสในการลงสนามอีกครั้งจากสโมสรมอนซา ประเดิมสนามด้วยการเจิมประตูแรกให้ทีมหลังจากลงสนามเพียง 4 นาทีเท่านั้น พาทีมคว้าชัยไปด้วยสกอร์ 3-0 และเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น

5. CR7 (Cristiano Ronaldo)

Cristiano Ronaldo

สุดท้ายนี้ต้องยกให้นักเตะอันดับ 1 ตลอดกาลอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด เจ้าของฉายา CR7 (ย่อมาจาก Cristiano Ronaldo และเบอร์เสื้อหมายเลข 7) กองหน้าชาวโปรตุเกสจากทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด สโมสรในพรีเมียร์ลีก และเป็นกัปตันทีมชาติโปรตุเกส ด้วยทักษะลากบอลผ่านผู้เล่นทีมอื่นได้สบาย ๆ ความเร็วในการวิ่งระดับพระกาฬ และพลังกระโดดสูงถึง 71 ซม. จากการฝึกฝนร่างกายทุกวัน แม้ว่าจะพบภาวะหัวใจเต้นเร็วก็ตาม โรนัลโดฉายแววความเก่งกาจตั้งแต่เด็กโดยเริ่มจากการเข้าร่วมทีมชุดใหญ่ของทีมอังดูรีญา และทีมนาซียูนัล จนไปถูกตาสปอร์ติง ลิสบอน ในวัย 12 ปี หลังจากย้ายมาอยู่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โรนัลโดประเดิมนัดแรกในพรีเมียร์ลีก พาทีมคว้าชัยไปด้วยสกอร์ 4–0 ก่อนจะทำประตูแรกได้จากลูกฟรีคิกในนัดที่ทีมชนะพอร์ตสมัท 3–0 จากผลงานการลงสนามถึง 39 นัด ทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีเซอร์แมตต์ บัสบี ประจำฤดูกาล และเป็นนักเตะดาวรุ่งตั้งแต่นั้นมา

โรนัลโดจัดว่าเป็นนักเตะที่สมบูรณ์ ชนิดหาตัวตายตัวแทนยากมาก เขาสามารถทำประตูได้อย่างเฉียบคมทั้งในระยะใกล้-ไกลจากทั้ง 2 ฝั่งสนาม แถมยังเล่นได้หลากหลายตำแหน่ง โดยเฉพาะกองหน้ากึ่งปีก และกองหน้าตัวเป้า บางทีอาจเปลี่ยนมาเป็นตัวริมเส้นและกองหน้าตัวต่ำก็ได้เช่นกัน จุดเด่นที่ใครหลายคนชื่นชอบคือการลากบอลตัดเข้าด้านในและยิงเข้าประตูด้วยเท้าทั้ง 2 ข้างและกระชากบอลมาอย่างไว นอกจากนี้ยังถนัดเรื่องการแย่งลูกกลางอากาศมาจากฝ่ายตรงข้ามได้ดีอีกด้วย

บทความที่น่าสนใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *